Tuesday, December 21, 2010

ตอนที่ 164

หลังจากเสร็จงานใหญ่ ทีมงานลุงก็หายใจโล่งไปอีกหนึ่งเป๊าะ ก็เป็นอย่างที่เห็นๆ แล้วว่าสภาพที่แท้จริงของลุงเป็นเช่นไร เดิมที ทีมประชาสัมพันธ์ เองก็ไม่อยากให้ลุงต้องออกแขก ออกโรง ไปตกระกำลำบาก แต่สุดท้าย ทีมงานประชาสัมพันธ์ของลุงยืนยันว่า ยังไงเสียปีนี้ลุงต้องออกแขกให้จงได้ เหตุผลก็เป็นอย่างที่ทราบๆ กัน ว่าเรตติ้งของครอบครัวลุงตอนนี้เป็นอย่างไร ดูได้จากทีมงานประชุมแก้เกมส์กันหามรุ่งหามค่ำ

โดยปกติแล้ว ลุงจะมีทีมงานประชาสัมพันธ์ที่เรียกว่า เป็นออร์แกนไนซ์ที่เก่งมาก โดยทีมงานจะดูว่า ตอนนี้ เทรนด์ของโรงงานจะเป็นอย่างไรก็จะให้ลุงเป็น พรีเซนเตอร์ของงานนั้น เรียกได้ว่า ลุงเป็นได้แค่ตัวชูโรง เพื่อเรียกเรตติ้งของครอบครัว ทีมงานจะมีการลงพื้นที่ ทำแบบทดสอบ แล้วนำเอาไปวิเคาระห์ดูว่าตอนนี้ลูกจ้าง love love กับครอบครัวลุงมาก น้อยแค่ไหนโดยเฉพาะเรื่อง gift อะไรก็ไม่รู้ของลุง (ใครจะเก่งไปได้ทุกๆ อย่าง จะมีก็เห็นจะเป็นตระกูลของลุงตระกูลเดียว กระมัง )

อันที่จริงแล้ว ลุง ไม่ได้มีความถนัดหรือ ความสามารถพิเศษมากมายอย่างที่เห็นๆ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะลุงไม่ได้ร่ำเรียนมาสูง ตอนเด็กๆ ที่ลุงอยู่ที่เมืองนอก ผลการเรียนของลุงก็ได้คะแนนกลาง ไม่จัดว่าเรียนเก่งสักเท่าไร ลุงจะเ เรียนสู้พี่สาว พี่ชายก็ไม่ได้เรื่องงานศิลปะ การแต่งเพลง แต่งกลอน วาดรูป ใครที่มาใกล้ชิดก็จะรู้ดีว่าลุงไม่ถนัดเอาอย่างมาก เรียกได้ว่าลุงไม่มีพรสวรรค์เลยก็ว่าได้ ที่เห็นจะมีก็เรื่องเล่นดนตรีที่ลุงพอจะเล่นได้บ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นอัจฉริยะมากมายหลายๆ สิ่ง ลุงจะมีทีมงานคอยคิด และประดิษฐ์ให้ แต่สุดท้ายลุงก็จะเป็นคนเลือก และลุงก็จะได้ผลงานงานชิ้นนั้นเป็นผลงานของตัวลุงเองSpeech ของลุงต่างๆ ลุงก็ไม่ได้คิดเอง ลุงจะมีทีมงานคอยคิดให้ คนที่เขียนให้จริงๆ ก็จะเป็นนักปราชญ์ หรือคณาจารย์ที่คอยคิดให้ลุง ปีล่าสุดเห็นจะเป็นทีมงานที่เป็น นักวิชาการผู้หญิงหัวหงอกๆ คิดแทนให้ และลุงก็จะเอาไปพูดเหล่านั้น มาสั่งสอนลูกจ้างอีกที

มาปีนี้ลุงเล่นทำเอาหัวใจแทบวาย เพราะตอนนั้น ที่ลุงนิ่งไปนานมากๆ บอกตามตรงว่าลุงเกือบทำทีมงานวงแทบแตก เพราะในบท เขาไม่ได้ปล่อยให้ลุง เล่นนอกบทแบบนั้นมีอยู่ฉากหนึ่ง ไม่รู้กล้องจับภาพได้เปล่า เมื่อตอนลุงลงมาจากห้องคนป่วย ทีแรกป้าจะขออาสาเป็นฝ่ายเข็นรถให้ลุง แต่ลุงร้องลั่นโวยวายไม่ยอมให้ป้าเข็น ตอนนั้นป้าหน้าซีดเป็นไข่ต้มเลยสุดท้ายป้าก็เลยไม่ได้เข็น และตอนที่ลุงนั่งอยู่ในรถคันเดียวกับป้า ให้ดูสีหน้าท่าทางของลุง ก็คงจะเป็นคำตอบได้ ว่าลุงรักป้ามากแค่ไหน


ถ้าใครได้มางาน และเห็นเบื้องหลังของงานใหญ่งานนี้ ถ้าไม่ต้องการพูดเพื่อเอาใจลุง ก็ต้องบอกว่า ปีนี้เราเองค่อนข้างใจหาย ถ้าเป็นงานของป้าก็คงไม่ต้องแปลกใจ เพราะก็เป็นอย่างที่รู้ๆ กันว่า เรตติ้งของป้าเทียบไม่ได้อยู่แล้วกับลุง แต่ปีนี้งานของลุงลูกจ้างไม่ร้หายไปไหนกันหมดก่อนอื่นก็ต้องมาทำความรู้จักกันก่อน ว่า ทีมงานประชาสัมพันธ์ของ ลุงมีอุบายในการเกณฑ์ลูกจ้างมาได้อย่างไร

ทุกหน่วยงานต้องมีการเกณฑ์คนมางานให้ได้อย่างน้อย 50 คน มีอยู่ราวๆ 1000 กว่าหน่วยงาน โดยให้มารอกันตั้งแต่บ่าย 2 โดยจะมีการเข้าแถวเช็คชื่อที่หน้าปืนใหญ่ จะมีการเช็คชื่อทุกๆ 2 ชม เพื่อกันการหนีกลับก่อน และจะทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมีการจุดเทียนเสร็จเรียบร้อย ถ้าใครแอบกลับบ้านก่อน หัวหน้าจะต้องโดนทำโทษ ใครได้ไปสอบถาม ก็จะได้ยินเสียงบ่นกันตรึมว่า …………

แต่ปีนี่ ที่มันเกิดเรื่อง ที่ทำให้ลูกจ้างไม่พอใจเป็นอย่างมากก็เป็นเพราะ ปีนี้ ห้อย ลูกรักคนล่าสุดของครอบครัวลุง ดันไปเกณฑ์คนมา ห้อยคงใช้วิธีเดิมๆ เหมือนกับที่ห้อยเกณฑ์คนมาดูบอล คือ ออกอุบายให้แจกเสื้อ แจกของรางวัล แต่ห้อยก็ลืมคิดไปว่า งานนี้มันใช้เวลานานว่า และน่าเบื่อกว่าดูบอลเป็นไหนๆ

พอคนที่เขาไม่อยากอยู่ต่อ ก็ดันสั่งการ์ดไม่ยอมให้คนเขากลับออกไป คนเขาบ่นกันว่า ถ้าทำอย่างนี้ปีหน้าก็อย่าหวังว่าจะมาเป็นหน้าม้าให้อีกปีนี้ค่อนข้างน่าใจหาย เพราะว่าแฟนพันธ์แท้ของลุงที่รักลุงจริงๆ ที่ไม่ได้เกณฑ์มา ต้องขอบอกว่าลดลงฮวบอาบอย่างหน้าใจหาย เท่าที่เห็นคิดว่าหายไปไม่ต่ำกว่า 40 เปอร์เซ็นต์หลังจากจบงาน ทีมงานประชาสัมพันธ์ก็คงได้มาประชุมกันเพื่อทำการบ้าน เพื่อประเมินถึงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นว่าเป็นเพราะสาเหตุใด

จริงๆ ก็ต้องบอกว่า ปีนี้งานเป่าเทียนของลุงมันก็มีเค้าลางมาตั้งแต่เมื่อตอนต้นเดือนแล้ว เพราะว่าช่วงก่อนงานของลุงได้ไม่นาน ไปสืบดูได้เลยว่าตอนนั้น มีอะไรเกิดขึ้นที่บ้านหลังใหญ่ของลุง ที่อยู่ไม่ไกลจาก เขาดิน

เพราะไอ้ที่ว่า มันไม่ได้เป็นหนึ่งในตัวประกอบ ของ ทีมงานประชาสัมพันธ์ของลุงได้เกณฑ์มาเพื่อเข้าฉาก และมันก็ไม่ได้เป็นหนึ่งในหน้าม้าที่พี่ห้อยเกณฑ์มาเช่นกันมันร้อง แควก แควก อยู่ที่บ้านของลุง อยู่หลายวันแล้ว

แขกที่ไม่ได้รับเชิญ ที่ตอนนี้มันจะบินมาที่บ้านลุงทุกคืน มาได้ราวอาทิตย์กว่าแล้ว นั้นก็คือ


นกแสก สองตัว… นั่นเอง

No comments:

Post a Comment